การสะกดจิต คือ การปล่อยให้จิตใต้สำนึก มาทำงานแทนจิตสำนึกของตนเองในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจิตใต้สำนึกจะสามารถทำงานหรือตอบสนองต่อร่ายกายแบบอัตโนมัติแทนจิตสำนึก เช่น การหายใจ ความคิด อารมณ์ ความจำ ซึ่งความรู้สึกของร่างกายจะเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อเมื่อคุณนอนหลับคุณก็จะเข้าถึงจิตใต้สำนึกได้ด้วยการฝัน ซึ่งเป็นภาวะเดี่ยวกับการถูกสะกดจิต เมื่ออยู่ในภาวะที่ไม่รู้สึกตัว ซึ่งผู้ทำการสะกดจิตจะเข้าถึงจิดใต่สำนึกของผู้ถูกสะกดจิตผ่านทางกลไกทางจิต
การสะกดจิตสามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์โดยการบันทึกคลื่นสมองของผู้ถูกสะกดจิตเอง ขณะที่อยู่ในสภาวะที่ไม่รู้สึกตัว การเพิ่มระดับคลื่นสมองในความถี่ต่ำขณะที่นอนหลับหรือฝัน การลดระดับคลื่นสมองในความถี่สูงในช่วงที่ตื่น การเพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับสมองซีกขวาที่เกี่ยวกับสัญชาติญาณในความทรงจำ และจิตนาการ จากการได้ยิน หรือการมองเห็น การลดกิจกรรมต่าง ๆ ในสมองซีกซ้ายที่เก็บตรรกวิทยา เหตุผล และส่วนที่เป็นรูปธรรมต่าง ๆ
หลักพื้นฐานในการสะกดจิต
1. ให้มองจ้องไปที่ใดที่หนึ่ง ผู้ที่ถูกสะกดจิตจะต้องมองหรือเพ่งมองไปที่ใดที่หนึ่ง หรือวัตถุใดวัตถุหนึ่งเพื่อแยกความสนใจออกไปจากตัวเอง
2. การควบคุมที่แข็งแกร่ง เป็นวิธีหรือขั้นต้องที่รวบรัดเพื่อต้องการให้ผู้ที่ถูกสะกดจิตยอมแพ้ในอำนาจที่อยุ่เหนือกว่า ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลที่ดีมากในการสะกดจิตในขั้นลึก ๆ
3. ทำให้เกิดภาวะสูญเสียความสมดุล เป็นการทำให้ร่างกายและจิตใจของผู้ถูกสะกดจิตสูญเสียความสมดุล เช่นการทำให้เด็กนอนอยู่ในเปลที่กำลังแกว่งเพื่อให้เด็กอยู่ในภวังค์และเสียการสมดุลทางอารมณ์ และเกิดการผ่อนคลายอย่างมาก เป็นวิธีที่นักเทศน์บางคนนำมาใช้กับผู้คนที่นั่งฟังเทศน์เพื่อการดึงดูดความสมดุลให้เกิดการสนใจ
4. การผ่อนคลาย อาจเป็นขั้นตอนของการสะกดจิตที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่งผู้ที่ถูกสะกดจิตจะได้รับคำแนะนำให้ทำตัวให้ผ่อนคลาย โดยการสร้างจิตนาการไปตามเสียงที่นุ่มนวลและเบาของนักสะกดจิตที่มีหลักในการสะกดจิตที่เป็นวิชาการเฉพาะ
ขั้นตอนทั้งหลายเหล่านี้มักจะใช้ได้ดีกับผู้ที่มีความเชื่อว่าตนเองสามารถถูกสะกดจิตได้เป็นอย่างดี และจะเพิ่มความผ่อนคลายให้กับตนเอง ซึ่งมักจะเต็มใจให้ความร่วมมือในการกระทำของนักสะกดจิต ซิกมันต์ ฟรอยต์ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีความสามารถในการสะกดจิตแบบผ่อนคลาย เขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและพลังอำนาจของตนเองเพื่อการสะกดจิตให้คนเชื่อถือและยอมรับได้ ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติของนักสะกดจิตทั่วไปนั้นเอง…
การสะกดจิต คือ การปล่อยให้จิตใต้สำนึก มาทำงานแทนจิตสำนึกของตนเองในชั่วขณะหนึ่ง ซึ่งโดยปกติแล้วจิตใต้สำนึกจะสามารถทำงานหรือตอบสนองต่อร่ายกายแบบอัตโนมัติแทนจิตสำนึก เช่น การหายใจ ความคิด อารมณ์ ความจำ ซึ่งความรู้สึกของร่างกายจะเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ต่อเมื่อคุณนอนหลับคุณก็จะเข้าถึงจิตใต้สำนึกได้ด้วยการฝัน ซึ่งเป็นภาวะเดี่ยวกับการถูกสะกดจิต เมื่ออยู่ในภาวะที่ไม่รู้สึกตัว ซึ่งผู้ทำการสะกดจิตจะเข้าถึงจิดใต่สำนึกของผู้ถูกสะกดจิตผ่านทางกลไกทางจิต
การสะกดจิตสามารถทำให้เห็นเป็นรูปธรรมได้ด้วยเครื่องมือทางวิทยาศาสตร์โดยการบันทึกคลื่นสมองของผู้ถูกสะกดจิตเอง ขณะที่อยู่ในสภาวะที่ไม่รู้สึกตัว การเพิ่มระดับคลื่นสมองในความถี่ต่ำขณะที่นอนหลับหรือฝัน การลดระดับคลื่นสมองในความถี่สูงในช่วงที่ตื่น การเพิ่มกิจกรรมต่าง ๆ ให้กับสมองซีกขวาที่เกี่ยวกับสัญชาติญาณในความทรงจำ และจิตนาการ จากการได้ยิน หรือการมองเห็น การลดกิจกรรมต่าง ๆ ในสมองซีกซ้ายที่เก็บตรรกวิทยา เหตุผล และส่วนที่เป็นรูปธรรมต่าง ๆ
หลักพื้นฐานในการสะกดจิต
1. ให้มองจ้องไปที่ใดที่หนึ่ง ผู้ที่ถูกสะกดจิตจะต้องมองหรือเพ่งมองไปที่ใดที่หนึ่ง หรือวัตถุใดวัตถุหนึ่งเพื่อแยกความสนใจออกไปจากตัวเอง
2. การควบคุมที่แข็งแกร่ง เป็นวิธีหรือขั้นต้องที่รวบรัดเพื่อต้องการให้ผู้ที่ถูกสะกดจิตยอมแพ้ในอำนาจที่อยุ่เหนือกว่า ซึ่งวิธีนี้จะได้ผลที่ดีมากในการสะกดจิตในขั้นลึก ๆ
3. ทำให้เกิดภาวะสูญเสียความสมดุล เป็นการทำให้ร่างกายและจิตใจของผู้ถูกสะกดจิตสูญเสียความสมดุล เช่นการทำให้เด็กนอนอยู่ในเปลที่กำลังแกว่งเพื่อให้เด็กอยู่ในภวังค์และเสียการสมดุลทางอารมณ์ และเกิดการผ่อนคลายอย่างมาก เป็นวิธีที่นักเทศน์บางคนนำมาใช้กับผู้คนที่นั่งฟังเทศน์เพื่อการดึงดูดความสมดุลให้เกิดการสนใจ
4. การผ่อนคลาย อาจเป็นขั้นตอนของการสะกดจิตที่ได้รับความสนใจมากที่สุด ซึ่งผู้ที่ถูกสะกดจิตจะได้รับคำแนะนำให้ทำตัวให้ผ่อนคลาย โดยการสร้างจิตนาการไปตามเสียงที่นุ่มนวลและเบาของนักสะกดจิตที่มีหลักในการสะกดจิตที่เป็นวิชาการเฉพาะ
ขั้นตอนทั้งหลายเหล่านี้มักจะใช้ได้ดีกับผู้ที่มีความเชื่อว่าตนเองสามารถถูกสะกดจิตได้เป็นอย่างดี และจะเพิ่มความผ่อนคลายให้กับตนเอง ซึ่งมักจะเต็มใจให้ความร่วมมือในการกระทำของนักสะกดจิต ซิกมันต์ ฟรอยต์ ซึ่งเป็นนักจิตวิทยาที่มีชื่อเสียง ก็เป็นผู้หนึ่งที่มีความสามารถในการสะกดจิตแบบผ่อนคลาย เขาสามารถเพิ่มประสิทธิภาพและพลังอำนาจของตนเองเพื่อการสะกดจิตให้คนเชื่อถือและยอมรับได้ ซึ่งก็เป็นคุณสมบัติของนักสะกดจิตทั่วไปนั้นเอง…
meechai